โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของผู้คนทั่วโลก แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้ เริ่มต้นการการรับประทานอาหารให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ อาหารที่รับประทานได้ เนื้อสัตว์ : ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน และหนัง ปลาทะเล : เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน แนะนำให้รับประทานอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะน้ำมันจากปลาทะเลจะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้ น้ำมันจากพืช : แต่ควรใช้ปริมาณที่น้อย ๆ เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันงา น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา น้ำมันถั่วลิสง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง อาหารที่มีคอลเรสเตอรอลสูง : เช่น ไข่แดง มันหมู มันไก่…

จริงอยู่ว่าผักมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ผักบางประเภทก็ไม่ควรกินดิบ แถมยังส่งผลเสียต่อสุขภาพตามมาอีกด้วย ผักที่ไม่ควรกินดิบมีดัง 1. กะหล่ำปลีก่อนรับประทานต้องปรุงให้สุกก่อน เพราะหากกินกะหล่ำปลีดิบในปริมาณมาก จะทำให้สารออกซาเลต (Oxalate) ในกะหล่ำปลีจะไปจับกับแคลเซียมที่กรวยไต จนกลายเป็นสารแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งหากมีสารตัวนี้ที่กรวยไตมาก ๆ ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เสี่ยงโรคนิ่วในไตได้ 2. ถั่วฝักยาวเป็นพืชที่ปนเปื้อนยาฆ่าแมลงสูง ดังนั้นหากกินถั่วฝักยาวดิบ ๆ ที่มีการปนเปื้อนสารพิษเข้าไปจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียได้ หากจะนำมารับประทาน ควรล้าง และแช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อลดปริมาณสารเคมีที่ปนเปื้อน 3. หน่อไม้ดิบมีสารไซยาไนด์ (Cyanide) ในปริมาณที่มาก ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย ถ้าได้รับสารนี้เข้าไปในปริมาณมาก อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ก่อนนำหน่อไม้มารับประทาน ควรนำไปต้มในน้ำเดือด ใช้เวลานานเกิน 10 นาที จึงจะปลอดภัยต่อร่างกายมากที่สุดค่ะ…

ว่าด้วยเรื่อง เกลือ ที่ไม่ได้มีแค่สีขาวเท่านั้น แต่โลกนี้ยังมีเกลืออีกหลากสีหลายชนิด ที่เหมาะกับการปรุงอาหาร และเกลือบางชนิดก็เหมาะกับการใช้ด้านความสวยความงาม วันนี้ ชวนมาทำความรู้จักเกลือสีต่าง ๆ ว่ามีประโยชน์และคุณสมบัติเฉพาะตัวอย่างไรบ้าง ดูเลย 1. เกลือสีขาวเกลือบริโภคสีขาวที่เราคุ้นเคยกันดี ถือเป็นเครื่องปรุงประจำบ้านทุกบ้าน เอาไว้ใช้ปรุงแต่งรสเค็มให้กับอาหารจานเด็ดของคุณ ส่วนใหญ่เราก็จะใช้เกลือสีขาว 2 ชนิดในการปรุงอาหาร ได้แก่ เกลือสินเธาว์ และ เกลือสมุทร สำหรับเกลือสินเธาว์ จะเป็นเกลืออยู่ชั้นใต้ดิน ไม่มีไอโอดีน ใช้วิธีการต้มเพื่อให้ได้น้ำเกลือ พอต้มเสร็จจะตกผลึกเป็นเกล็ดขาว ๆ เกิดขึ้น ได้เกลือสินเธาว์ที่มีความละเอียด เป็นผง สามารถนำมาปรุงอาหารได้ โดยที่ไม่ต้องนำมาบดหรือปั่น และมีความเค็มไม่มาก ส่วนเกลือสมุทร เป็นเกลืออยู่ผิวดิน ผลิตจากน้ำทะเล มีไอโอดีนโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จะใช้ความร้อนจากแสงแดดเพื่อให้เกลือตกผลึก เม็ดเกลือก็จะใหญ่มาก…

มือ เป็นอวัยวะที่ทำงานหนักไม่แพ้ส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพราะต้องใช้งานหยิบจับทั้งวันแทบไม่มีเวลาพัก แต่คนเรามักไม่ค่อยสนใจหรือให้ความเอาใจใส่มือมากนัก ทั้ง ๆ ที่หากใส่ใจมือกันสักนิด ก็อาจจะป้องกันโรคภัยต่าง ๆ ได้ เพราะมือของเรานั้น สามารถชี้บอกโรคต่าง ๆ ได้ มาสำรวจมือกันว่าจะตรงกับข้อไหนบ้าง 1. มือสั่น อาจเป็นโรคพาร์กินสันถ้ามือเกิดสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ อาจเป็นเพราะเราบริโภคคาเฟอีนมากเกินไป หรือเป็นผลข้างเคียงของการกินยาบางชนิด รวมถึงยารักษาโรคหอบหืดและอาการซึมเศร้า แต่ถ้าข้างต้นไม่ใช่สาเหตุ หรือมีอาการมือสั่นเพียงข้างเดียว และเกิดขึ้นบ่อย ควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เนื่องจากอาจจะเป็นอาการเบื้องต้นของโรคพาร์กินสัน ซึ่งเป็นความผิดปกติของระบบประสาท ที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว ทำให้มือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ 2. มือแห้งกร้าน คัน เป็นผื่นแดงอาจเป็นโรคผิวหนังอักเสบ หากการใช้โลชันทาผิว ไม่ช่วยให้มือที่หยาบกร้านดีขึ้น ซึ่งอาจทำให้ผิวแห้ง คัน หรือเป็นผื่นแดง…

ใครว่า “ส้นเท้าแตก” เป็นเรื่องเล่น ๆ ? เรื่องผิวเท้านี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ไม่น้อยไปกว่าผิวหน้าเลย บางคน “ส้นเท้าแตก” จนเจ็บเวลาเดิน หรือมีเลือดซึม ๆ ออกมาด้วยก็มี การรักษา “ส้นเท้าแตก” นอกจากจะช่วยในเรื่อง “ความงาม” ของเท้าแล้ว ยังทำให้ลดความกังวลและความรำคาญใจลงไปได้ เอาล่ะ…ก่อนที่จะปล่อยให้ส้นเท้าของคุณยับเยินไปมากกว่านี้ มารู้จักวิธีรักษา “ส้นเท้าแตก” เพื่อกู้คืนส้นเท้าที่นุ่มเนียนน่าสัมผัส  วิธีที่ 1 ขัดด้วยมะนาวและน้ำมันมะพร้าว ในมะนาวจะมีกรดซิตริก ซึ่งจะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น ทำให้ส่วนที่แห้งแตกหลุดออก เหลือแต่ผิวเนียน ๆ เหมือนเท้าเด็กน้อยเลย ส่วนน้ำมันมะพร้าวเองก็มีวิตามินอีที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นได้ดี ทำให้ผิวไม่สึกระคายเคืองจนเกินไป สามารถทำซ้ำได้อาทิตย์ละ 3 ครั้งเลย แต่เอาจริง ๆ ทำครั้งแรกก็รู้สึกว่าเท้าเนียนขึ้นแล้วนะ แต่ถ้าใครเท้าแตกจนเป็นแผล…