5 ความต่างระหว่างผิวผู้ชาย และผิวผู้หญิง
ผิวผู้ชาย และผิวผู้หญิงนั้นหากดูผิวเผินอาจจะดูไม่มีความต่างกัน ผู้ชายหลาย ๆ คนจึงมักจะเอาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของผู้หญิงมาใช้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นออกแบบมาสำหรับโครงสร้างผิวแบบผู้หญิงมากกว่า เมื่อมาเจอโครงสร้างผิวแบบผู้ชายก็อาจจะทำให้ไม่สามารถช่วยบำรุงได้เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร อีกเหตุผลที่คุณผู้ชายไม่ควรเอาครีมของผู้หญิงมาใช้ก็เพราะกิจกรรมที่เราเจอในแต่ละวันมักจะแตกต่างจากของผู้หญิง เช่น มลภาวะจากการลุยงาน out door หนัก ๆ การเต็มที่กับกีฬากลางแจ้ง หรือสนุกเต็มที่กับปาร์ตี้จนดึก เมื่อเรารู้แล้วว่าผิวของผู้หญิงและผู้ชายต่างกัน และต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกัน แต่ว่ามันต่างกันมากขนาดไหนมาดู 5 จุดมาให้เห็นความต่างกันชัด ๆ 1. ความหนาของผิวหน้าผิวผู้ชายหนากว่าของผู้หญิง โดยเฉลี่ยแล้วผิวของผู้ชายจะมีความหนากว่าผิวของผู้หญิงประมาณ 20% เลยนะคะ 2. ความเสื่อมของคอลลาเจนคอลลาเจนจะลดลงในอัตราที่ไม่เท่ากัน โดยปกติคอลลาเจนภายในผิวของผู้ชายจะมีมากกว่าของผู้หญิงแต่เมื่ออายุมากขึ้นจะลดลงในอัตราที่เร็วกว่าผู้หญิง จนเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือนของผู้หญิงจะลดลงอย่างรวดเร็วกว่าของผู้ชาย 3. ความมันของผิวหน้าผิวของผู้ชายจะมันกว่าของผู้หญิง ต่อมผลิตไขมันของผู้ชายจะทำงานมากกว่าของผู้หญิงถึง 2 เท่าส่งผลให้ผู้ชายหน้ามันกว่าของผู้หญิง ด้วยเหตุนี้หากคุณผู้ชายไปใช้ผลิตภัณฑ์ลดความมันของผู้หญิงจึงมักจะไม่เห็นผลเท่าที่ควร 4. รูขุมขนผิวผู้ชายรูขุมขนใหญ่กว่า…
เช็กโรคแอบแฝงจากอาการ “ขี้หนาว”
หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าทำไมเราหนาว แต่คนรอบตัวเราบอกว่าไม่หนาว บางครั้งจึงมักถูกเรียกว่าเป็นคนขี้หนาว ซึ่งอาการนี้ไม่ได้เกิดจากอุณหภูมิในอากาศที่เย็นขึ้นเท่านั้น แต่อาจเกิดจากศูนย์ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายที่อยู่ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ในสมองเกิดความบกพร่องจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือปัญหาด้านโภชนาการที่ทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง ทำให้มีระดับกล้ามเนื้อหรือไขมันน้อยกว่าปกติที่ควรจะเป็น หรืออาจเกิดจากภาวะสุขภาพที่ไม่ดี หรือโรคบางอย่างได้ หลายคนที่มีภาวะขี้หนาวหรือหนาวง่าย แม้จะอยู่ในห้องทีมีอุณหภูมิปกติ อาจจะบ่งชี้ถึงภาวะสุขภาพหรือโรคบางอย่างได้ ดังนี้ 1. ภาวะเลือดจาง ศัพท์ทางการแพทย์เรียกว่า Anemia คือภาวะที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดแดงได้อย่างเพียงพอ ที่จะลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อาการเบื้องต้นที่มักพบได้บ่อยในคนที่มีภาวะเลือดจาง จะมีอาการเหนื่อยเพลีย ซีด เวียนศีรษะ และอาการขี้หนาวรู้สึกหนาวง่าย 2. ภาวะไทรอยด์ต่ำ ฮอร์โมนไทรอยด์เป็นฮอร์โมนที่สำคัญมากในร่างกาย ที่จะควบคุมระบบเมตาบอลิซึมหรือควบคุมการเผาผลาญสารอาหารต่าง ๆ เพื่อให้พลังงานในร่างกายในคนที่มีฮอร์โมนไทรอยด์ไม่เพียงพอหรือไทรอยด์ต่ำ อาการที่พบบ่อยคือ อาการขี้หนาว ผิวแห้ง อ้วนง่าย ผมแห้ง-บาง ท้องผูก…
วิธีแก้ “ปวดหัว” สุดเจ๋ง ไม่ต้องพึ่งยา
ปวดศีรษะ หรือปวดหัว เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน อาการปวดหัวมีด้วยกันหลายชนิด ทั้งปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็ง ปวดหัวจากความเครียด ปวดหัวแบบคลัสเตอร์ หรือปวดหัวไมเกรน ในยามที่ปวดหัว คนส่วนใหญ่อาจคิดถึงการรักษาด้วยยา แต่ความจริงแล้ว ยังมี วิธีแก้ปวดหัว แบบไม่ต้องพึ่งยาอีกมากมาย ทำแล้วเห็นผลจริง มีอะไรบ้าง ไปดูกัน 1.ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอการขาดน้ำเรื้อรัง คือสาเหตุหลักของอาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็ง และปวดหัวไมเกรน และผู้ที่มีอาการปวดหัวรุนแรงส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นภายใน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหลังดื่มน้ำ ในแต่ละวันคุณจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ หรือกินอาหารที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม ส้ม โยเกิร์ต เพื่อป้องกันการขาดน้ำ ที่ไม่เพียงทำให้ปวดหัว แต่ยังทำให้ไม่มีสมาธิ และหงุดหงิดง่ายด้วย 2.เสริมแมกนีเซียมแมกนีเซียม คือแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และระบบประสาท มีหลักฐานที่ชี้ชัดว่า…
8 เทคนิคทำความสะอาดบ้าน ช่วยลดน้ำหนัก
คำพูดที่ว่า “แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย” เป็นนิยามของการทำงานบ้านได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการทำงานบ้านจะมีการขยับร่างกาย เคลื่อนไหว อย่างมาก ทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลังงาน ช่วยทำให้น้ำหนักลดลงได้นั่นเอง 1. กวาดบ้าน/ดูดฝุ่น เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อช่วงแขนและช่วงหน้าท้อง โดยเมื่อกวาดบ้านไปเรื่อย ๆ นานว่า 30 นาที จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้มากถึง 200 แคลอรี หรือหากดูดฝุ่น 30 นาที จะสามารถเผาผลาญพลังงานได้ราว 376-752 แคลอรี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการออกแรงด้วย 2. ถูบ้าน การถูบ้านเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้กล้ามเนื้อแขนกระชับ และช่วยกระชับหน้าท้อง โดยจะใช้ไม้ถูบ้านหรือใช้ผ้าถูโดยตรงเลย ก็สามารถเผาผลาญได้ โดยการถูบ้านครึ่งชั่วโมงจะใช้พลังงานราว 111-222 แคลอรีเลย 3. ล้างจาน การล้างจานนอกจากจะช่วยออกกำลังกายบริเวณแขนแล้ว เวลาล้างจานอาจจะเพิ่มการเขย่งปลายเท้าเป็นระยะ ๆ…
อย่าเฉย…เมื่อชา เพราะอาการชา อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาณอันตราย
มือเท้าชา อย่านิ่งนอนใจ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคปลายประสาทอักเสบ มือเท้าชา เป็นอาการที่พบมากในกลุ่มวัยทำงาน เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน กิจกรรมที่ต้องใช้มือมากทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึงจนเกิดอาการชา หรือร่างกายมีแร่ธาตุและวิตามินผิดปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ และทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ ปัจจัยเสี่ยงโรคปลายประสาทอักเสบ – เส้นประสาท ปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบจากภาวะภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ- มีความผิดปกติแต่กำเนิดหรือมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นโรคเกี่ยวข้องกับเส้นประสาททำงานผิดปกติ- มีประวัติการติดเชื้อจากโรคใดโรคหนึ่งระดับน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงต่อโรคเส้นประสาทที่เกิดจากโรคเบาหวานใช้ข้อมือมาก อาจเสี่ยงเป็นโรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ- เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไต ภาวะขาดวิตามินอย่างรุนแรง เช่น วิตามินบี 12 หรือภาวะโปรตีนในเลือดสูงผิดปกติ อาการใดบ้างที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะปลายประสาทอักเสบ อาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังมีอาการของภาวะปลายประสาทอักเสบอยู่ มี 4 สัญญาณชัดเจน ให้คุณสังเกตุตามอาการได้ดังนี้ 1. มีอาการเหน็บชาบริเวณมือและเท้าข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง หรืออวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย 2.…