กินตามกรุ๊ปเลือด

การบริโภคอาหารตามกรุ๊ปเลือดเป็นเทรนด์รักสุขภาพของคนกลุ่มหนึ่ง เทรนด์สุขภาพนี้อ้างว่าในอาหารที่เรากินมีโปรตีน “เลคติน” ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับหมู่เลือดจนทำให้เกิดผลเสีย หรือทำให้ภูมิคุ้มกันตกถ้ารับประทานอาหารไม่เหมาะกับหมู่เลือด แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่มีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันอย่างเป็นทางการ ซึ่งในร่างกายเรามีกลุ่มเลือดหลักอยู่ คือ เอ บี โอ และเอบี โดยในเม็ดเลือดของเราจะมีโปรตีนแอนติเจน (Antigen) และในหมู่เลือดของมนุษย์จะมีหมู่เลือดที่เราคุ้นเคย และรู้จักกันดีอยู่ 2 ระบบ คือ

ระบบ ABO (เอบีโอ) คือ หมู่เลือดที่แบ่งเป็นเอ บี โอ และเอบี ซึ่งคนไทยส่วนมากจะอยู่ในหมู่เลือดโอ

ระบบ Rh (อาร์เอช) จะแบ่งเป็น Rh (+) และ Rh (-) ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ที่มีหมู่เลือด Rh (+) มีเพียงประมาณ 0.3% ของประชากรทั้งหมดที่จะมีหมู่เลือด Rh (-)

ถึงจะไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนแต่ก็ไม่น่าใช่เรื่องเสียหายอะไรหากจะรู้เอาไว้ว่าเราเสี่ยงต่อโรคอะไร เพื่อการกินที่สอดคล้องกันและที่เหตุสำคัญลดเสี่ยงโรคคือการกินอาหารที่ครบ 5 หมู่และหลากหลาย

เลือดกรุ๊ป A
เป็นหมู่ที่เริ่มมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร ขึ้นชื่อเรื่องสายมังสวิรัติ

คนเลือดกรุ๊ปเอนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมีกรดในกระเพาะต่ำ จึงเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะได้ง่าย ทำให้ระบบการย่อยอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ยังเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคหัวใจ และโรคมะเร็งอีกด้วย

อาหารที่แนะนำสำหรับชาวกรุ๊ป A

– เนื้อปลา ไม่ว่าจะเป็นปลาทู ปลาแซลมอน ปลากระพง
– เสริมโปรตีนแนะนำให้รับประทานประเภทนมถั่วเหลืองแทนนมวัว หรือทานถั่วเพิ่มขึ้น เช่น ถั่วลิสง เมล็ดฟักทอง และเต้าหู้
– เน้นหนักให้รับประทานผักที่มีกากใยมากขึ้น เพื่อช่วยปัญหาเรื่องระบบย่อย และยังเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย โดยสามารถทานได้แทบจะทุกชนิด เช่น บร็อคโคลี แครอท ฟักทอง ผักโขม
– ผลไม้ทุกชนิด แต่อยากให้หลีกเลี่ยง คือ ส้ม และมะละกอ เพราะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
– เครื่องดื่มสำหรับคนเลือดกรุ๊ปเอ ที่ติดกาแฟ ทฤษฎีนี้ระบุว่าเพียงวันละหนึ่งแก้วก็เพียงพอ เพื่อช่วยเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร แต่ไม่ควรดื่มนมวัว เบียร์ และโซดา

เลือดกรุ๊ป B
เป็นหมู่ที่สมดุล กินได้หลากหลาย แต่อ้วนมาก

สำหรับคนเลือดกรุ๊ป B ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องไวรัส และภูมิคุ้มกันบกพร่อง ระบบประสาทไม่ค่อยดี และปวดตามข้อ และมีโอกาสเกิดโรคแผลในสมอง หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง เป็นหมู่เลือดที่อยู่ง่าย กินง่าย รับประทานอะไรก็ได้ สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ได้หลากหลาย

อาหารที่แนะนำสำหรับชาวกรุ๊ป B

– ไก่ ปลา ปลาแซลมอน ปลาเนื้อขาว กุ้ง ปู ส่วนนม เนย และไข่ กินได้ในปริมาณที่เหมาะสม
– เลือกทานข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต และหลีกเลี่ยงแป้งสาลี แป้งโฮลวีท และถั่วลิสง เพราะไม่ดีต่อระบบเผาผลาญ ทำให้อ้วนง่าย
– ผักใบเขียว เพราะมีแมกนีเซียมสูง ช่วยป้องกันอาการผื่นคันและภูมิแพ้ได้
– ผลไม้กินได้แทบทุกชนิด แต่ก็ควรเลี่ยงผลไม้รสหวาน หรือรับประทานให้น้อยลง แนะนำให้ทานสับปะรดเพราะมีเอนไซม์ช่วยให้ย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น และทานกล้วยซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย
– เครื่องดื่มด้วยเหตุที่บอกว่าหมู่เลือดนี้แพ้อากาศง่าย จึงแนะนำให้ดื่มน้ำขิง ชาเชียว โสม และเปปเปอร์มิ้นท์ นอกจากช่วยแก้หวัด ช่วยให้ร่างกายอบอุ่นแล้วยังช่วยบำรุงประสาทอีกด้วย

เลือดกรุ๊ป AB
เลือดกรุ๊ป ABเป็นหมู่เลือดคนยุคใหม่ ผสมผสานระหว่าง กรุ๊ป A และ B มังสวิรัตินิด ๆ คาร์โบไฮเดรตหน่อย ๆ

คนเลือดกรุ๊ปเอบี จะเป็นส่วนผสมของการรับประทานมังสวิรัตินิด ๆ กับคาร์โบไฮเดรตหน่อย ๆ จุดอ่อนสำคัญของคนเลือดกรุ๊ปเอบี จึงเป็นเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ กับกรดในกระเพาะต่ำ

อาหารที่แนะนำสำหรับชาวกรุ๊ป AB

– สามารถรับประทานแบบลูกผสม เช่น วันนี้จะเน้นเนื้อ วันนี้จะเน้นผักสลับกันไปมาได้ แต่ถ้าให้แนะนำอยากให้รับประทานเนื้อสัตว์แต่พอประมาณ ถ้าเป็นเนื้อปลาก็ยิ่งดีต่อร่างกาย ทานแล้วดีที่สุดคือ เนื้อแกะ ไก่งวง แพะ กระต่าย
– เลือกรับประทานอาหารประเภทถั่วเพิ่มก็ได้ อาทิ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง และเต้าหู้ก็มีประโยชน์ช่วยให้โปรตีนต่อร่างกายเช่นกัน
– ควรงดเว้นการรับประทานถั่วแดง งา เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน ข้าวโพด เพราะจะชะลอการทำงานของอินซูลิน ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลงเฉียบพลัน ผักสดโดยเลือกเมนูเป็นน้ำพริกผัก หรือสลัดก็ได้
– ผลไม้ ควรทานผลไม้ที่วิตามินซีสูง เช่น ส้มโอ ตระกูลเบอร์รี สับปะรด เพราะช่วยสร้างความสมดุลของกรดในเนื้อเยื่อ
– เครื่องดื่มชา กาแฟ ดื่มได้พอประมาณ แนะนำให้ดื่มชาคาโมมายล์ และชาเขียว เพื่อช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน

เลือดกรุ๊ป O
เป็นหมู่มนุษย์ยุคดั้งเดิม

หมู่เลือดนี้ อาหารย่อยง่าย ร่างกายต้องการโปรตีนสูงกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง ระบบการเผาผลาญไม่ค่อยดี จึงหิวง่าย และอ้วนง่าย

อาหารที่แนะนำสำหรับชาวกรุ๊ป O

– เนื้อสัตว์ที่มีไขมันไม่สูง เช่น เนื้อปลา กุ้ง ปู มากกว่าเนื้อหมู
– หมวดผัก คือ ผักบร็อคโคลี ผักกาดคอส ผักคะน้า หอมหัวใหญ่ และสาหร่ายทะเล ไม่แนะนำผักใบขาวอย่างกะหล่ำปลี เพราะจะไปก่อกวนการทำงานของไทรอยด์
– หมวดผลไม้สามารถรับประทานผลไม้ได้ทุกชนิดโดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี ที่จะช่วยสร้างสมดุลให้ระดับกรดในกระเพาะอาหารได้
– เครื่องดื่ม เนื่องจากกระเพาะอาหารมีความเป็นกรดสูง จึงควรเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ เบียร์