
กล้วย ผลไม้ขึ้นชื่อว่ามีสารอาหารครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ ทานได้ทุกเพศทุกวัย แถมยังมีทุกฤดู หาซื้อง่าย และราคาไม่แพง และมีหลากหลายสายพันธ์ และมีประโยชน์มาก แต่มีวิธีการกินให้ร่างกายได้ประโยชน์อย่างไร ดูเลย
เรื่องกล้วย ๆ กินยังไงให้ได้ประโยชน์

1. กินกล้วยให้ได้ประโยชน์ เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อกล้วย โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้า ควรจะเลือกซื้อกล้วยน้ำว้า ลักษณะกึ่งสุกกึ่งห่าม (เปลือกกล้วยออกสีเขียวอ่อนปนเหลืองอ่อน ๆ ) และควรเลือกหวีกล้วย ที่มีกล้วยอยู่ 14-16 ลูกด้วยกัน ซึ่งจะเป็นกล้วยที่อยู่กึ่งกลางเครือ กล้วยแต่ละลูกจึงมีวิตามินและแร่ธาตุค่อนข้างเท่าเทียมกันทุกลูก หากซื้อกล้วยต้นเครือ กล้วยหวีหนึ่งมีมากกว่า 16-19 ลูก วิตามินและแร่ธาตุในกล้วยแต่ละลูกอาจลดปริมาณลงตามสัดส่วนของกล้วยที่มีลูกเพิ่มขึ้นนั่นเอง

2. ควรกินกล้วยที่มีลักษณะสุกปานกลาง ไม่ห่ามเกินไป เนื่องจากมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตมาก ส่งผลให้ร่างกายต้องหลั่งน้ำย่อยออกมาย่อยคาร์โบไฮเดรตจากกล้วยไปเป็นน้ำตาล ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ท้องผูก และอาการท้องอืดได้

3. กรณีกล้วยห่ามแนะนำให้นำไปปิ้งจนสุกแล้วกิน กล้วยที่ผ่านความร้อนจะเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว กินไปแล้วร่างกายก็จะดูดซึมพลังงานไปใช้ได้ทันที ทำให้ไม่มีปัญหาอาการท้องเสีย ท้องผูก และอาการท้องอืด ที่สำคัญยังจะช่วยให้กล้วยมีแคลเซียมเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เหมาะกับผู้หญิงวัย 40 ปีขึ้นไป ที่ร่างกายควรได้รับแคลเซียมเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุนจากการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนหลั่งลดน้อยลง

4. ส่วนกล้วยที่งอมมากเกินไป ผิวเปลือกเหลืองจัดและเริ่มมีสีดำกระจายเป็นจุดเล็ก ๆ ไม่ควรกินเนื่องจากกล้วยที่สุกเกินไป จะมีปริมาณน้ำตาลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ดังนั้นผู้ป่วยเบาหวาน ผู้สูงอายุ และคนที่กำลังจะลดน้ำหนักจึงไม่ควรกิน

5. กินกล้วยตอนไหนดีที่สุด สำหรับคนปกติ ให้กินตอนเช้า และเย็น 1- 2 ลูกก่อนมื้ออาหาร ช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำตาลเติมความสดชื่น โดยจะไม่รู้สึกอยากกินของหวาน และกินข้าวได้น้อยลง
ประโยชน์ของกล้วย ที่ดีต่อสุขภาพ
