อันตรายกว่าช้ำใจ คือโรคร้ายจากฟกช้ำ

สายซุ่มซ่ามอาจจะคุ้นเคยกับรอยช้ำ จ้ำเลือดเป็นอย่างดี เพราะมักเดินชนนู่นนี่อยู่บ่อย ๆ  แต่ถ้าอยู่ ๆ ก็มีรอยช้ำปริศนาทั้งที่ไม่ได้ชนอะไร มันอาจไม่ใช่เรื่องเล็กอย่างที่คิด แต่บางครั้งก็อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรค หรือความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งควรเฝ้าระวัง

แบบไหนที่เรียกว่า ช้ำง่าย

– มีรอยช้ำใหญ่ แม้มีการกระแทกไม่รุนแรง

– มีรอยช้ำหลายจุด แต่ไม่รู้ที่มา

– มีรอยช้ำ แต่หายค่อนข้างช้า

เหตุผลที่ทำให้คุณมีรอยฟกช้ำหรือเป็นจ้ำเลือดได้ง่าย

ภูมิคุ้มกันต่ำ : ถ้าหากภูมิคุ้มกันของเราต่ำ จะทำให้เกิดโรคเกร็ดเลือดต่ำได้
พิษแอลกอฮอล์ และโรคตับ : อาการสังเกตร่วม ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม ขาบวมเหนื่อยง่าย
เลือดไหลไม่หยุด : เป็นโรคทางพันธุกรรม ที่มักตรวจพบได้ตั้งแต่เด็ก 
เกล็ดเลือดต่ำ : ซึ่งมักพบรอยจ้ำตามข้อพับต่าง ๆ รวมถึงเลือดออกตามไรฟัน
อายุที่มากขึ้น : ผิวจะบางลงตามวัย เส้นเลือดเปราะแตกง่าย
หลอดเลือดอักเสบ : อาการสังเกตร่วม ชาตามแขนขา หายใจไม่ออก มีแผล/ก้อนเนื้อ/จุดม่วง ขึ้นบนผิว
การใช้ยาบางชนิด : เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ การรับยาเคมีบำบัดเป็นเวลานาน การรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
การขาดวิตามิน : โดยเฉพาะ Vitamin C และ Vitamin K จะทำให้เลือดออกได้ง่าย จุดเลือดออก หรือจ้ำเลือดเกิดได้ทั่วร่างกาย
โรคบางชนิด : เช่น โรคฮีโมฟีเลีย มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเม็ดเลือด มะเร็งเม็ดเลือดขาว ภาวะที่ไขกระดูกทำงานบกพร่อง โรคไขกระดูกฝ่อ

ดูแลรอยช้ำอย่างมืออาชีพ

1. ประคบเย็น 48 ชั่วโมงแรก

รอยช้ำจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับแรงกระแทกจนทำให้หลอดเลือดแตก ส่งผลให้เลือดไหลไปใกล้ผิวหนัง ดังนั้นเมื่อพบว่ามีรอยช้ำให้รีบทำการประคบเย็นทันที ความเย็นจะช่วยรักษารอยช้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังแข็งตัว ซึ่งวิธีการ ประคบเย็นที่ถูกต้อง จะต้องเอาน้ำแข็งใส่ถุงพลาสติกแล้วห่อผ้า ก่อนนำมาประคบ ไม่ควรใช้น้ำแข็งประคบที่ผิวหนังโดยตรง และต้องการประคบอย่างน้อย 20 นาที ให้ประคบต่อเนื่องแบบนี้ 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีรอยช้ำเขียว

2. ประคบร้อนหลังจากเวลาผ่านไป 48 ชั่วโมง

เพื่อให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณที่ช้ำมากขึ้น ทำให้รอยช้ำหายเร็วขึ้น วิธีการคือ นำผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น แล้วนำมาประคบที่รอยช้ำครั้งละ 10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง

3. พักรอยช้ำไว้บนที่สูง

พักรอยช้ำไว้ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายใน 24 ชั่วโมงแรก วิธีนี้สำคัญมาก หากคุณมีรอยช้ำ พยายามพัก อย่าใช้แรงร่างกายส่วนที่มีรอยช้ำให้มากนัก

4. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

เลือกทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุจะช่วยป้องกันการเกิดรอยช้ำและช่วยให้ระยะเวลาการฟื้นหายเร็วขึ้น ซึ่งอาหารกลุ่มนี้ได้แก่ ไข่ นม ผลไม้วิตามินซีสูง และผักสีเขียวเข้ม

5. เสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย

เลือกทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อย่าง IMMU V+ ซึ่งมีวิตามินซี สารสกัดจากมะขามป้อม ชิตาเกะ ขมิ้น พลูคาว ขมิ้น มีวิตามินเค สารสกัดจากถังเช่า ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายให้แข็งแรง

วิธีรับประทาน ทานวันละ 1-2 เม็ดก่อนนอน

สั่งซื้อสินค้าได้แล้ววันนี้ คลิกเลย