อย่าเฉย…เมื่อชา เพราะอาการชา อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาณอันตราย

มือเท้าชา อย่านิ่งนอนใจ อาจเป็นสัญญาณเตือนโรคปลายประสาทอักเสบ มือเท้าชา เป็นอาการที่พบมากในกลุ่มวัยทำงาน เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน กิจกรรมที่ต้องใช้มือมากทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึงจนเกิดอาการชา หรือร่างกายมีแร่ธาตุและวิตามินผิดปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อย ๆ และทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ

ปัจจัยเสี่ยงโรคปลายประสาทอักเสบ

– เส้นประสาท ปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบจากภาวะภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
– มีความผิดปกติแต่กำเนิดหรือมีประวัติครอบครัวที่เคยเป็นโรคเกี่ยวข้องกับเส้นประสาททำงานผิดปกติ
– มีประวัติการติดเชื้อจากโรคใดโรคหนึ่งระดับน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงต่อโรคเส้นประสาทที่เกิดจากโรคเบาหวานใช้ข้อมือมาก อาจเสี่ยงเป็นโรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ
– เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไต ภาวะขาดวิตามินอย่างรุนแรง เช่น วิตามินบี 12 หรือภาวะโปรตีนในเลือดสูงผิดปกติ

อาการใดบ้างที่เป็นสัญญาณเตือนของภาวะปลายประสาทอักเสบ

 อาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าคุณอาจกำลังมีอาการของภาวะปลายประสาทอักเสบอยู่ มี 4 สัญญาณชัดเจน ให้คุณสังเกตุตามอาการได้ดังนี้

1. มีอาการเหน็บชาบริเวณมือและเท้าข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง หรืออวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย

 2. มีอาการเจ็บแปลบ หรือแสบในบริเวณอวัยวะที่ได้รับผลกระทบจากภาวะปลายประสาทอักเสบ

3. มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่บริเวณใดบริเวณหนึ่ง โดยเฉพาะเท้า

  4. สูญเสียการทรงตัวหรือเกิดภาวะบ้านหมุน จนอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อการเดินหรือยืน

การรักษาอาการชาปลายนิ้วมือนิ้วเท้า

กรณีอาการชาไม่รุนแรง มีอาการชาแปล๊บ ๆ ซ่า ๆ เป็นระยะ ให้สะบัดข้อมือข้อเท้า หรือเปลี่ยนอิริยาบถ ก็สามารถหายได้ หรืออาจรับประทานวิตามินบีเสริม เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาด เป็นต้น

กรณีอาการชารุนแรงและต่อเนื่อง อาจต้องรักษาอาการชาปลายมือปลายเท้าด้วยยาต้านการอักเสบของเส้นประสาท หากอาการชายังไม่ดีขึ้นแพทย์อาจพิจารณาผ่าตัดเอ็นที่กดรัดเส้นประสาทนั้นออก

กรณีเป็นผลข้างเคียงจากโรคอื่น หากอาการชาเป็นผลพวงมาจากโรคเดิมที่เป็นอยู่ เช่น เบาหวาน ผู้ป่วยควรลดระดับน้ำตาลในเลือด สำหรับหญิงวัยหมดประจำเดือน แพทย์อาจให้วิตามินเสริมแก่ร่างกาย เป็นต้น

แม้ว่าอาการมือเท้าชา จะดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ที่เกิดขึ้นเพียงบางครั้ง แต่เราก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากเป็นต่อเนื่องและทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคอันตรายได้