เวลาอาบน้ำ เราควรใส่ใจพิถีพิถันในการทำความสะอาดร่างกายให้มาก อย่าละเลยให้อวัยวะใดอวัยวะหนึ่งจนเกิดการหมักหมมของสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย ซึ่งในระยะยาวอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ และทำให้มีปัญหาทางสุขภาพตามมาได้
8 จุดที่คุณไม่ควรละเลย มีดังนี้
1. หนังศรีษะ (Scalp)
แม้เราจะสระผมกันเป็นประจำ แต่หนังศีรษะเป็นจุดหนึ่งที่เรามักจะละเลย และทำความสะอาดไม่ทั่วถึง โดยส่วนมากจะชโลมแชมพู และครีมนวดผมลงบนเส้นผม นวดเฉพาะเส้นผม และขยี้เฉพาะเส้นผม ไม่ค่อยได้นวดหนังศีรษะ ซึ่งหนังศีรษะที่ทำความสะอาดไม่ดีจะทำให้เซลล์ผิวหนังตาย ก่อให้เกิดอาการคัน หนังศีรษะลอกเป็นขุย หรือเป็นรังแค
ดังนั้นเวลาอาบน้ำหรือสระผมอย่าลืมนวดที่หนังศีรษะเพื่อกระตุ้นให้หนังศีรษะผลิตน้ำมันออกมารักษาความชุ่มชื้นของหนังศีรษะ และป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวหนังตายนั่นเอง
2. แผ่นหลัง (Back)
แผ่นหลังเปียกน้ำแล้ว ไม่ได้หมายความว่าหลังของเราจะสะอาด ซึ่งแผ่นหลังจำเป็นที่จะต้องได้รับการขัดและถูไม่ต่างจากอวัยวะส่วนอื่น ๆ แต่ก็อาจจะติดปัญหาที่หลายคนอาจจะมีช่วงแขนสั้น จะเอื้อมมือไปทำความสะอาดหลังก็ทำได้ไม่ถนัด หรือทำแล้วแต่ไม่สามารถที่จะทำความสะอาดได้ทั่วถึง หรือพอเอื้อมไม่ถึงก็อาจจะละเลยในการทำความสะอาดไป หากเราทำความสะอาดแผ่นหลังไม่ทั่วถึง อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองที่แผ่นหลัง เกิดการสะสมคราบเหงื่อไคล บางครั้งก็อาจก่อให้เกิดสิวด้วย
สามารถแก้ได้ด้วยการใช้ใยบวบขัดหลัง หรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับขัดทำความสะอาดหลังโดยเฉพาะ
3. มือ (Hands)
การฟอกสบู่หรือเจลล้างมือแล้วถูไปถูมาโดยไม่ได้มีการขัดถูฝ่ามือ หลังมือ ง่ามนิ้ว ปลายนิ้ว เล็บ และข้อมืออย่างทั่วถึง ก็อาจทำให้สิ่งสกปรกยังตกค้างอยู่ หรือการล้างแค่น้ำสะอาดก็ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างล้ำลึกแต่อย่างใด มากไปกว่านั้น การล้างมือที่ไม่สะอาดหรือผิดวิธีอาจจะก่อให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรก แบคทีเรีย หรือเชื้อโรคที่จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยตามมาได้
4. หลังหู (Behind the Ears)
ใบหูของคนเรามีความบอบบาง ทั้งยังมีเส้นประสาทและต่อมไขมันที่เรียกว่าซีบัม (Sebum) อยู่ด้วย แต่มากไปกว่านั้นคือเรามักจะละเลยการทำความสะอาดหลังใบหูอยู่บ่อย ๆ เวลาอาบน้ำหูเปียกก็จริง แต่เราอาจจะทำความสะอาดไม่ทั่วถึง บางครั้งอาบน้ำเสร็จแล้วมาเห็นทีหลังว่ายังมีฟองสบู่ติดที่ใบหูอยู่เลย หรือแม้แต่เวลาทำความสะอาดใบหู เราก็มักจะแคะขี้หูและเช็ดทำความสะอาดใบหู แต่ก็อาจจะไม่ได้ครอบคลุมถึงหลังหูด้วย และหลังใบหูที่ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม ก็จะเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และอาจทำให้ใบหูมีกลิ่นเหม็นได้ ดังนั้นเวลาอาบน้ำจึงไม่ควรละเลยการทำความสะอาดหลังใบหู หรือหลังอาบน้ำสามารถใช้สำลีก้อนชุบน้ำอุ่นหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแล้วเช็ดหลังใบหูให้สะอาด
5. เท้า (Feet)
เท้าเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่มีต่อมเหงื่ออยู่มาก และเป็นอวัยวะที่มักจะอยู่ในสภาพแวดล้อมหมักหมมเป็นเวลานาน เพราะเราสวมทั้งถุงเท้าและรองเท้า แถมยังต้องทำกิจกรรมตลอดทั้งวันอีก ส่งผลให้ทั้งเหงื่อ สิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่ที่เท้าไม่น้อย โดยเท้าจะมีจุดสำคัญที่เรามักจะหลงลืม และทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ซึ่งหากฝ่าเท้าไม่ได้รับการขัดถูเป็นประจำ หรือทำความสะอาดไม่ทั่วถึง ก็จะทำให้เซลล์ผิวหนังตาย หยาบกร้าน หรือเป็นรอยแตกได้ ส่วนง่ามนิ้วเท้าก็มักจะเป็นจุดที่หมักหมมของคราบสกปรก และแบคทีเรีย ดังนั้นเวลาอาบน้ำก็อย่าลืมขัดถูตามซอกนิ้วเท้าด้วย
6. สะดือ (Belly Button)
สะดือเป็นจุดที่มีความบอบบาง และเป็นจุดที่สะสมคราบสกปรก เชื้อโรคเป็นอย่างมาก เราไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดสะดือทุกวัน เนื่องจากเป็นอวัยวะที่มีความบอบบาง การแคะ แกะ เกาบ่อย ๆ อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองได้ แต่การไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดทุกจนบางครั้งก็ทำให้เราละเลยที่จะทำความสะอาด จนรู้ตัวอีกทีก็สะดือเป็นคราบดำ และถ้าปล่อยไว้ก็อาจจะส่งกลิ่นเหม็นด้วย
วิธีทำความสะอาดสะดือง่ายๆ คือใช้สำลีก้อนหรือสำลีก้าน จุ่มน้ำอุ่น หรือแอลกอฮอล์ ทาครีมทาผิว แล้วค่อย ๆ เช็ดทำความสะอาดสะดืออย่างเบามือ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
7. ลิ้น (Tongue)
เรามักจะคุ้นเคยกับประโยคที่ว่า “แปรงฟันแล้วก็อย่าลืมแปรงลิ้น” กันเป็นอย่างดี แต่บ่อยครั้งเราก็มักจะละเลย หรืออาจจะแปรงลิ้นแล้วแต่ยังไม่ทั่วถึง ทั้งนี้เพราะลิ้นเป็นอวัยวะที่มีปุ่มเล็ก ๆ อยู่มากมาย ซึ่งปุ่มเหล่านี้จะกักเก็บทั้งแบคทีเรียและเศษอาหารเอาไว้ หากทำความสะอาดไม่เพียงพอจะทำให้มีกลิ่นปากได้ ดังนั้นหลังแปรงฟันเสร็จแล้วก็อย่าลืมแปรงลิ้นให้สะอาดด้วย หรือเวลาเลือกแปรงสีฟันก็ควรเลือกแปรงที่มีฟังก์ชันสำหรับแปรงลิ้นเพื่อจะได้ใช้ทำความสะอาดลิ้นได้ทันที
