อดเพื่อลด ดีจริงไหม ?

“อดเพื่อลดน้ำหนัก” คติในการกินของหลายคนอาจจะเป็นแบบนั้น แต่ก็มีหลายคนที่ยอมอด…เพื่อจะไปกินบางอย่างที่เฝ้ารอ แล้วจะมีการอดแบบไหนบ้าง ดูเลย

อดมื้อ กินบางมื้อ  (Intermittent Fasting – IF)

เป็นวิธีลดน้ำหนัก โดยกำหนดช่วงเวลาในการอดอาหาร และรับประทานอาหารโดยไม่ได้เน้นที่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภคอาหาร แต่การกำหนดเวลาในการรับประทานอาหารจะทำให้ลดปริมาณการกินอาหารและลดพลังงานจากอาหารที่ได้รับ

แต่ใครที่เข้าวงการ IF แล้วไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะกินเยอะในช่วงเวลาที่กินได้ แคลลอรี่เลยมากกว่าช่วงที่อด หรือช่วงวันชีทเดย์กินจัดเต็ม ผลคือน้ำหนักน้ำหนักไม่ลงนั่นเอง

อดแป้ง กินไขมัน (Ketogenic – KETO)

คือ การเลือกรับประทานอาหารที่เน้นไขมันสูง และรองลงมาคือโปรตีน โดยลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตรวมถึงน้ำตาลให้น้อยลงมาก ๆ ร่างกายจะรู้สึกว่าเราไม่มีน้ำตาลเข้าไป เพื่อเสมือนเป็นการหลอกร่างกายว่าเราอดอาหาร หรืออยู่ในสภาวะ “Ketosis” คือ ร่างกายจะไม่มีน้ำตาลกลูโคสจากคาร์โบไฮเดรต ทำให้ต้องเผาผลาญและดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทน

มีการศึกษาออกมาบอกว่ากินอาหารประเภทเดียวกัน หรือขาดสารอาหารใดนาน ๆ จะทำให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายสูญเสียสมดุลในการทำงาน ซึ่งคนทานคีโตต้องวิเคราะห์สารอาหารให้ดี ซึ่งจะทำให้เสี่ยงขาดสารอาหารได้

อดคาว ไว้กินหวาน

คือ การเลือกทานขนม แทนการทานข้าว เช่น เค้ก บราวนี่ โดนัท ซึ่งขนมหวานไม่ได้มีแต่น้ำตาลเท่านั้น แต่ขนมหวานส่วนใหญ่ยังประกอบไปด้วยไขมัน โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ (มีในส่วนประกอบประเภทมาการีน) ซึ่งไขมันทรานส์นี้ เป็นไขมันที่ส่งเสริมการสะสมของไขมันบริเวณพุงนั่นเอง

อดข้าว ไว้กินเหล้า (Drunkorexia)

เป็นอาการของคนที่กินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่กลัวอ้วน จึงสรรหาวิธีต่าง ๆ มาทำให้ร่างกายได้รับแคลอรีน้อยลงจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นการจงใจอดอาหาร 1-2 มื้อก่อนการไปดื่ม การออกกำลังกายหนักมาก ๆ หรือการล้วงคอให้อ้วกหลังจากดื่มไปสักพักแล้วกลับมาดื่มต่อ ซึ่งมีการสำรวจในสหรัฐ พบว่าคนที่ดื่มแบบหนัก ๆ จะมีพฤติกรรมที่เข้าข่าย Drunkorexia

ซึ่งจริง ๆ แล้ว ควรทานอะไรรองท้องไปก่อนดื่ม ถ้าหากไม่รองท้องจะทำให้เมาง่ายนั่นเอง

การอดอาหารแต่ละแบบค่อนข้างแตกต่างกัน ด้วยปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน หากมีปัญหาโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำเพื่อความปลอดภัย