
หลายคนคงเคยมีอาการนอนกระตุก (Hypnic Jerk) หรือความรู้สึกที่เหมือนตกจากที่สูงขณะนอนหลับจนสะดุ้งตื่น ซึ่งเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วโดยอัตโนมัติขณะนอนหลับ และจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับอาการสะอึก อาการประหลาดนี้เกิดจากอะไรกันแน่ นอนกระตุกบ่อย ๆ เป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพหรือเปล่า มาหาคำตอบพร้อมกันเลย
อาการนอนกระตุกเป็นอย่างไร ?
อาการนอนกระตุก นอนแล้วสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนตกจากเหวหรือที่สูงมักเกิดขึ้นกับร่างกายข้างใดข้างหนึ่ง เช่น แขนซ้าย หรือขาซ้าย โดยอาจเป็นการกระตุกเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้งติดต่อกัน ก่อนที่กล้ามเนื้อจะผ่อนคลายลงจนค่อย ๆ หายกระตุกไปเอง ในระหว่างที่มีการกระตุก เรามักจะมีความรู้สึกอื่น ๆ หรือมองเห็นภาพในสมองไปพร้อมกัน เช่น การฝัน หรือความรู้สึกถึงสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง มีหลายคนที่กล่าวตรงกันว่ารู้สึกเหมือนตกจากเหว เห็นแสงสว่างวาบ บางคนได้ยินเสียงทุบ เสียงของแตก หรือเสียงดังฉับพลัน ปกติการนอนกระตุกจะไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดใด ๆ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกเจ็บหรือมีอาการชาคล้ายโดนของแหลมทิ่ม ทั้งนี้ในกรณีที่เกิดขึ้นเบามาก เราอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้ว่านอนกระตุก แต่หากอาการกระตุกแรงมากพอ เราก็จะรู้สึกเหมือนตกจากที่สูงและสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ปัจจัยกระตุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่อยากนอนกระตุก
อาการนอนกระตุกเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย และไม่ได้บ่งบอกถึงภาวะสุขภาพที่ดีหรือไม่ดี โดยส่วนมากจะพบได้ในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ถ้าหากคุณมีอาการกระตุกแนะนำให้ลองเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ดังนี้

1. งดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
คาเฟอีนเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการกระตุก ทั้งยังมีฤทธิ์ทำให้สมองตื่นตัว โดยสามารถค้างอยู่ในร่างกายได้เป็นเวลานานจนส่งผลต่อวงจรการนอนหลับ ดังการศึกษาหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมหยุดดื่มกาแฟเป็นเวลา 6 ชั่วโมงก่อนนอน พบว่าคาเฟอีนที่ตกค้างยังคงมีผลทำให้นอนไม่หลับหรือนอนไม่เต็มอิ่มอยู่ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหลีกเลี่ยงการได้รับคาเฟอีนในช่วงเย็นหรือใกล้เวลานอนมากเกินไป

2. การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายมีระยะการนอนหลับที่ไม่สมบูรณ์ หรือที่เรียกว่านอนหลับไม่ลึก หลับไม่สนิท ผลที่ตามมาก็คือการรับรู้ถึงการกระตุกหรือการเคลื่อนไหวของร่างกายขณะนอนหลับมากขึ้น และพลอยให้สะดุ้งตื่นง่ายขึ้นไปด้วย นอกจากนี้ภาวะถอนแอลกอฮอล์ที่มักเกิดขึ้นเมื่อพยายามเลิกดื่มก็กระตุ้นให้กล้ามเนื้อตอบสนองด้วยการกระตุกได้เช่นกัน

3. การออกกำลังกายที่ใช้พลังมากเกินไปในช่วงเย็น
การออกกำลังกายมีประโยชน์ในการช่วยให้รู้สึกเพลียและนอนหลับได้ดีขึ้น แต่การออกกำลังกายที่ใช้พลังงานมากหรือกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกตื่นตัวอาจส่งผลตรงกันข้าม เพราะแทนที่จะทำให้รู้สึกเหนื่อย กลับอาจเป็นปัจจัยที่นำไปสู่อาการนอนกระตุกในคืนนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังในช่วงเย็นหรือหัวค่ำที่ใกล้กับเวลาเข้านอน

4. ภาวะอดนอน (Sleep Deprivation)
การอดนอนหรือนอนไม่เต็มอิ่มที่เกิดจากโรคนอนไม่หลับหรือปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคภูมิแพ้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ไม่เพียงแต่ส่งผลให้หงุดหงิดง่ายหรือไม่มีสมาธิ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งตัวการที่เพิ่มความเสี่ยงให้มีอาการนอนกระตุกมากขึ้น
