ตดแบบไหน บอกอะไรเราบ้าง

การที่เราตดนั้นเป็นกระบวนการปกติของร่างกาย มนุษย์ทุกคนล้วนต้องตดเพื่อระบายแก๊สจากการย่อยอาหาร แต่ถ้าใครที่ตดมาก ๆ อาจเกิดจากแก๊สสะสมในกระบวนการย่อยอาหารที่มากเกินไป โดยการกินอาหารที่มีแก๊สมาก เช่นเครื่องดื่มน้ำอัดลม พืชตระกูลถั่ว หรืออาหารพวกแป้งที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง รวมถึงพฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่ทำให้เกิดการสะสมแก๊สจนเราเผลอตดออกมาบ่อย ๆ เช่น การหายใจ  เคี้ยวหมากฝรั่ง อมลูกอม ใช้หลอดดื่มน้ำ สูบบุหรี่ หรือแม้แต่การกินอาหารเร็วเกินไป

แล้วตดจะบอกอะไรได้บ้าง ?

ความมหัศจรรย์ของร่างกายเรานั้นมีอยู่ในทุก ๆ ที่ โดยมันสอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ขนาดที่ “ลมตด” ยังสามารถสามารถบ่งบอกสุขภาพภายในของสำไส้ได้ด้วย ลองมาเช็กดูว่าคุณตดแบบไหนกันบ้าง ?

1. กลิ่นของตด
กลิ่นของตดเกิดจากแก๊สที่มีกลิ่นจากการหมักหมมของอาหารในลำไส้ ถึงแม้ว่าในตดมีแก๊สที่มีกลิ่นเพียง 1-2% เท่านั้นแต่มันก็เพียงพอที่จะสร้างกลิ่นที่สยองออกมาได้ ดังนั้นกลิ่นตดจะแรงไม่แรงนั้นจึงขึ้นอยู่กับอาหารที่เรากินเข้าไป โดยเฉพาะถ้าหากเรากินอาหารจำพวกโปรตีนสูงพวกเนื้อสัตว์ ไข่ หรือพืชตระกูลถั่ว และผักที่มีเส้นใยสูงและมีกลิ่นที่แรงเช่น คะน้า กะหล่ำปลี ก็ทำให้เราตดเหม็นได้
ตดไร้กลิ่น เกิดจากการได้รับโปรตีนน้อย
ตดมีกลิ่น เกิดจากการทานอาหารที่มีโปรตีน และผักที่มีกลิ่นแรงมาก
ตดมีกลิ่นแรงมากผิดปกติ อาจเกิดจากลำไส้มีการติดเชื้อแบคทีเรีย

2. ความถี่ของตด
โดยธรรมชาติคนเราจะตดเฉลี่ยวันละ 10-20 ครั้ง อาจจะดูเหมือนมากเกินไป แต่เราตดแบบนั้นจริง ๆ ซึ่งการตดมากกว่าหรือน้อยกว่าจะถือว่าร่างกายของเรากำลังผิดปกติ ควรปรับการกินอาหาร และไปพบแพทย์เพื่อป้องกันการท้องอืด หรือปัญหาที่ตามมา มาลองเช็กระดับความถี่กับตดกัน
ตดน้อย ตดน้อยกว่า 10 ครั้งต่อวัน เสี่ยงโรคลำไส้อุดตัน
ตดปกติ ตด 10-20 ครั้งต่อวัน ถือว่าปกติ
ตดมาก ตดมากกว่า 20 ครั้งต่อวัน เสี่ยงโรคทางเดินอาหาร

3. เสียงของตด
เสียงของตดเกิดจากการเกร็งของกล้ามเนื้อหูรูดและความดันในลำไส้ใหญ่ ถ้ากล้ามเนื้อหูรูดไม่ค่อยกระชับและความดันภายในลำไส้ใหญ่มีน้อย ตดก็จะเบา แต่ถ้ากล้ามเนื้อหูรูดบีบตัวแน่นและแรงดันภายในลำไส้ใหญ่สูง (การเบ่ง)  ตดก็จะมีเสียงที่ดังกังวาล
ตดไร้เสียง เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดไม่กระชับทำให้บีบตัวได้น้อย แรงดันในลำไส้จึงมีไม่มาก
ตดมีเสียง เกิดจากกล้ามเนื้อหูรูดบีบตัวมาก แรงดันในลำไส้จึงมีมาก ตดแบบนี้เป็นพวกดีแต่เสียงมักไม่ค่อยมีกลิ่น

สุดท้ายแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับระบบภายในของแต่ละคนด้วย เพราะอาหารและพฤติกรรมที่เหมือนกันอาจจะส่งผลที่ต่างกันได้ บางคนเกิดแก๊สมาก บางคนเกิดแก๊สน้อยนั่นเอง