Skip to content
กระจกตาเป็นส่วนที่สัมผัสกับแสงก่อนส่วนอื่น เนื่องจากเป็นบริเวณที่อยู่ด้านหน้าสุดของลูกตา การสัมผัสแสงสีฟ้าจะทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่เซลล์ผิวกระจกตา เกิดการอักเสบ และเกิดภาวะตาแห้ง ภาวะตาแห้งก่อให้เกิดการระคายเคืองของดวงตา หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ผิวกระจกตาเกิดการอักเสบและเกิดรอยแผลบนกระจกตาได้
ในชีวิตประจำวันการหลบเลี่ยงจากแสงสีฟ้าอาจเป็นเรื่องยาก เนื่องจากแสงสีฟ้ามีทั้งเกิดจากแหล่งพลังงานธรรมชาติ และจากสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ แต่จะมีปริมาณความเข้มข้นของแสงสีฟ้าแตกต่างกันไป ได้แก่
แหล่งพลังงานธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ (แสงแดด) ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแสงจากธรรมชาติที่มีปริมาณของแสงที่มีความเข้มมากที่สุด
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น หลอดไฟ LED ตามบ้านเรือน หรือแม้แต่ไฟหน้ารถ และท้ายรถ อุปกรณ์ดิจิทัล เช่น จอทีวี คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตฃ
วิธีการดูแล และปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า
1. ขณะออกแดดภายนอกอาคาร ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีแสงจ้ามาก ๆ หรือหากจำเป็นต้องทำงานกลางแดด ควรป้องกันให้แสงเข้าสู่ดวงตาน้อยที่สุด โดยการถือร่ม สวมหมวก และเลือกใช้แว่นกันแดดที่มีเลนส์ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกรองรังสี UV ได้ 99 – 100% และแสงที่มองเห็นได้ 75 – 90%
2. ขณะใช้อุปกรณ์หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ให้สวมแว่นกรองแสง เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต ควรสวมแว่นตากรองแสงที่มีสารเคลือบกรองแสงสีฟ้าเพื่อช่วยถนอมดวงตา ทำให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้นเมื่อใช้อุปกรณ์หน้าจออิเล็กทรอนิกส์เป็นระยะเวลานาน นอกจากนี้อุปกรณ์หน้าจออิเล็กทรอนิกส์บางรุ่นปัจจุบันยังสามารถปรับโหมดตั้งค่าให้ลดแสงสีน้ำเงินบนหน้าจอ ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการตาล้าได้
3. การปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับดวงตา เช่น การทำงานใช้สายตาในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ หลีกเลี่ยงการปิดไฟเล่นโทรศัพท์มือถือเนื่องจากในที่มืดรูม่านตาจะขยายทำให้เราได้รับแสงเข้าสู่ดวงตามากขึ้น หลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หลีกเลี่ยงการใช้สายตาในบริเวณที่มีลมแรงเป่าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากทำให้ตาแห้งและเกิดอาการตาล้าได้
4. ใช้กฎ 20-20-20 เมื่อใช้สายตาทำงานกับอุปกรณ์หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ทุก ๆ 20 นาที ควรหยุดพักสายตา 20 วินาที โดยการมองออกไปที่ไกล ๆ อย่างน้อย 20 ฟุต หรือทำการกระพริบตาเร็ว ๆ 20 ครั้งหลังจากนั้น เพื่อลดการเพ่งของดวงตาและผ่อนคลายความตึงเครียด
5. การใช้น้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตาเมื่อมีอาการตาแห้ง
6. ทำการตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือผู้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคทางดวงตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม และโรคเบาหวาน
7. เพิ่มสารอาหารบำรุงสายตา อย่าง Veta-D ตัวช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ให้มีการมองเห็นที่ดี ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา
วิธีรับประทาน รับประทานวันละ 1 – 2 เม็ด
สั่งซื้อสินค้าได้แล้ววันนี้ คลิกเลย