Skip to content
หลายคนอาจเคยได้ยินประโยชน์ของวิตามินซีกันมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิว แต่เราควรกินวิตามินซีวันละเท่าไร ถึงจะมีประสิทธิภาพสูงสุด
วิตามินซีเป็นสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานกับร่างกาย มักพบได้ในผลไม้ ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำว่า หากเรากินผักผลไม้ให้ได้ 400 กรัมต่อวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง การกินผักผลไม้ 400 กรัม ร่างกายจะได้รับวิตามินซีประมาณ 210 – 280 มิลลิกรัม ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายต่อวัน ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง มีดังนี้
1. ฝรั่ง (100 กรัม = 187 มิลลิกรัม)
– มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยในการชะลอวัย และริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดี
– ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานใหกับร่างกาย
– ช่วยลดไขมันในเลือด
– ช่วยปองกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
– เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก
– ช่วยบํารุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
– ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
– ช่วยรักษาโรคเบาหวาน
– ช่วยล้างพิษโดยรวมในร่างกาย
– ใช้รักษาโรคอหิวาตกโรค
– ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิดหรือโรคเลือดออกตามไรฟันได้
– ผลสุกใช้รับประทานเป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูก
– น้ำต้มผลฝรั่งตากแห้ง ช่วยรักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบ
2. มะขามป้อม (100 กรัม = 111 มิลลิกรัม)
– ช่วยแก้อาการคอแห้ง ดับกระหายได้ดี
– แก้ไอ เจ็บคอ ลดเสมหะ
– แก้ท้องผูก มีฤทธิ์เป็นยาระบาย
– บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
– มีสารต้านมะเร็ง
– รักษาหอบหืด
– แก้อาการผื่นคัน ผิวหนังอักเสบ
– ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย บำรุงเลือด ลดความดันเลือดสูง
3. เงาะโรงเรียน (100 กรัม = 97 มิลลิกรัม)
– เงาะมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
– ช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปาก
– ช่วยแก้อาการท้องร่วงรุนแรงอย่างได้ผล
– ช่วยรักษาโรคบิด ท้องร่วง
– ใช้เป็นยาแก้อักเสบ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
4. สตรอเบอรี (100 กรัม = 66 มิลลิกรัม)
– ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย
– ช่วยควบคุมความดันเลือดและชะลอการอุดตันของหลอดเลือด
– ช่วยลดคอเลสเตอรอลที่เกาะตามผนังหลอดเลือด
– ช่วยลดระดับความดันโลหิต
– ช่วยป้องกันโรคต้อ และชะลอความเสื่อมของดวงตา
– ช่วยลดน้ำหนัก เร่งระบบการเผาผลาญ จัดการไขมันสะสมในร่างกาย
5. มะละกอ (100 กรัม = 62 มิลลิกรัม)
– บำรุงสายตา
– เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
– บำรุงเลือด บำรุงน้ำนม
– ช่วยย่อยอาหาร แก้ท้องผูก
– ช่วยต้านมะเร็ง
6. ส้มโอขาว (100 กรัม = 48 มิลลิกรัม)
– เสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
– ช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับชั้นผิว ส่งผลให้ผิวพรรณของคุณกระจ่างใส
– ช่วยป้องกันอาการท้องผูก ทำให้คุณขับถ่ายได้ง่าย
– ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเบาหวาน
– บำรุงกระดูกให้แข็งแรง และป้องกันโรคกระดูกพรุน
– ต้านเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราที่ช่วยในการรักษาโรคติดเชื้อบางชนิด
– ช่วยลดภาวะความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ
– ช่วยป้องกันและฟื้นฟูความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ
7. ส้มสายน้ำผึ้ง (100 กรัม = 30 มิลลิกรัม)
– มีวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ
– ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
– เป็นยาขับลมแก้อาหารไม่ย่อย
– ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
– ช่วยเรื่องระบบขับถ่ายทำงานปกติ
8. กล้วยหอม (100 กรัม = 27 มิลลิกรัม)
– ช่วยป้องกันกระดูกเปราะ ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูก
– ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมความแข็งแรงของหลอดเลือด และป้องกันโรคลักปิดลักเปิด
– ช่วยคลายเครียด
– บำรุงสายตา บำรุงการทำงานของระบบประสาทตา
– แก้ท้องผูก ช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น
– ช่วยเติมพลังให้ร่างกาย ให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า
– แก้อาการนอนไม่หลับ
