ไขข้อข้องใจ “ โซเดียม ” กินแล้วบวม อ้วนจริงไหม ?

โซเดียม ที่คนส่วนใหญ่ทานทุกวันโดยไม่รู้ตัว เสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง ทำให้เลือดเสียสมดุล หลอดเลือดจึงพยายามดูดน้ำเข้ามาเจือจางโซเดียมจนทำให้แรงดันเลือดสูงขึ้น โซเดียมเป็นแร่ธาตุที่พบในอาหารแทบทุกชนิด พบได้มากในอาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงรสและน้ำจิ้มต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีโซเดียมแฝงในเบเกอรี่ เค้ก ขนมปังอีกด้วย จริง ๆ แล้วโซเดียมเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นกับร่างกายเนื่องจากช่วยควบคุมสมดุลน้ำในร่างกาย แล้วทราบหรือไม่ว่า ? โซเดียมหรือความเค็มนี้ไม่ได้มาแค่จากเกลือหรือน้ำปลาอย่างที่เราเข้าใจกัน  ในอาหารที่เราทานอยู่ทุกวันก็อาจจะมีปริมาณโซเดียมแฝงอยู่มากกว่าที่คิด ถ้าหากทานอาหารที่มีรสชาติเค็มหรือมีปริมาณโซเดียมสูงมากเกินไปนั้น ส่งผลกระทบต่อร่างกายของเราได้มากมาย ยิ่งทานมาก ก็ยิ่งทำให้เราบวมน้ำ ดูตัวหนาและใหญ่ แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตอีกด้วย 

* ปริมาณโซเดียมที่ร่างกายต้องการ = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน หรือไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน (เทียบเท่าเกลือ 1 ช้อนชา หรือน้ำปลา 4-5 ข้อนชา) 

อาหารโซเดียมสูง กินมากเสี่ยงบวมน้ำ กินนานเสี่ยงไตเสื่อม

1. อาหารแปรรูป

เช่น ชีส ไส้กรอก แฮม เบคอน ลูกชิ้น หมูยอ หมูหยอง ฯลฯ อาหารเหล่านี้ผ่านกระบวนการแปรรูปมาค่อนข้างเยอะและมีส่วนผสมของโซเดียม รวมถึงสารอื่นๆในปริมาณมาก

2.อาหารสำเร็จรูปและอาหารแช่แข็ง

อาหารกลุ่มนี้จะมีโซเดียมในปริมาณที่สูงมาก (มากกว่า 1,000 มิลลิกรัม) เพราะการใส่โซเดียมลงไปในอาหารจะช่วยยืดอายุของสินค้าให้อยู่ได้นานขึ้น ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กสำเร็จรูป รวมถึงอาหารแบบแช่แข็งด้วย

3.อาหารที่มีผงฟู โดยเฉพาะขนมปังและเบเกอรี่

ตัวบวมถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหากวนใจที่หลายๆ คนต้องเผชิญ ยิ่งถ้ามีอาการที่รุนแรงก็อาจจะลุกลามไปจนถึงขั้นเกิดเป็นโรคร้ายได้ ถ้าต้องการลดตัวบวมควรงดหรือลด เริ่มต้นที่อาหารทันทีอย่างเคร่งครัด แล้วดื่มน้ำเปล่าสะอาดด้วยการจิบไปตลอดทั้งวันร่วมด้วย เพื่อให้การลดตัวบวมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ควรหันมาดูแลตัวเองให้มาก ลดความเครียดลง และพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้ปัญหาบวมน้ำก็จะไม่กลับมากวนใจคุณอีกต่อไป

เพราะผงฟูหรือเบคกิ้งโซดา ที่ใช้สำหรับทำขนมอบเหล่านี้มีส่วนผสมของโซเดียมไบคาร์บอเนต ซึ่งจัดเป็นโซเดียมรูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน อย่างเช่น ขนมเค้ก ขนมปัง โดนัท ปาท่องโก๋ หรือพวกขนมอบต่าง ๆ

4.อาหารหมักดอง

เพราะในกระบวนการการหมักจะใส่พวกเกลือลงไปในปริมาณมาก เช่น ผลไม้ดอง ปลาร้า กะปิ กิมจิ แหนม ไข่เค็ม ฯลฯ

5.อาหารตากแห้ง

เพราะอาหารตากแห้งมีกรรมวิธีการทำหลัก ๆ คือ ล้างทำความสะอาดวัตถุดิบจนสะอาดดี จากนั้นนำมาคลุกเกลือให้ทั่ว แล้วจึงนำไปตากแดดหรือเข้าเตาอบ จึงมีปริมาณโซเดียมแบบล้น ๆ

6.ซอสปรุงรสต่าง ๆ

ทั้งน้ำปลา น้ำมันหอย ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก น้ำสลัด เต้าเจี้ยว เต้าหู้ยี้ ผงปรุงรส ผงชูรส ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นตัวเด็ดของวงการโซเดียมเลยล่ะ ยิ่งเติมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโซเดียมเข้าไปมากขึ้นเท่านั้น

7.ขนมขบเคี้ยว

โดยส่วนใหญ่แล้วขนมขบเคี้ยว เช่น มันฝรั่งทอดกรอบ ข้าวโพดอบกรอบ ฯลฯ มีปริมาณโซเดียมที่สูงมาก ปริมาณโซเดียมต่อ 1 หน่วยบริโภคอาจสูงถึง 500 มิลลิกรัม ซึ่งปัญหาจะอยู่ตรงที่ขนมขบเคี้ยว 1 ถุงใหญ่ มีขนาดบริโภคประมาณ 2-3 หน่วยบริโภค ดังนั้นแล้วขนมเหล่านี้ในขนาด 1 ถุงใหญ่ อาจมีปริมาณโซเดียมสูงถึง 1,500 มิลลิกรัม

8.น้ำผักและผลไม้พร้อมดื่ม

หลาย ๆ คนอาจจะงงว่าในน้ำผักและผลไม้ก็มีโซเดียมด้วยเหรอ คำตอบคือ มี และมีมากด้วย โดยในน้ำผักและผลไม้สำเร็จรูป มักมีปริมาณของโซเดียมอยู่ที่ราว ๆ 300-400 มิลลิกรัมต่อกล่อง โดยโซเดียมที่ใส่เพิ่มเข้ามาอาจจะเป็นด้วยเหตุผลของการปรับแต่งรสชาติและการยืดอายุของเครื่องดื่มในกล่องนั่นเอง