Skip to content
ไฟเบอร์ เป็นสารอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายเราไม่สามารถย่อยมาใช้เป็นพลังงานได้ จึงต้องถูกขับออกมาพร้อมอุจจาระ เมื่อพูดถึงประโยชน์ของ ไฟเบอร์ หรือใยอาหาร คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเรื่องของระบบการขับถ่ายซะส่วนมาก ยิ่งคนที่มีปัญหาเรื่องอาการท้องผูกมักจะหาไฟเบอร์มาช่วยในเรื่องของการขับถ่าย แต่รู้หรือไม่ว่าคุณสมบัติที่โดดเด่นที่มีอยู่ไฟเบอร์นั้นยังมีอีก คนที่ไม่ได้ท้องผูกก็สามารถทานได้เช่นกันค่ะ ซึ่งไฟเบอร์นั้นสามารถแบ่งออก 2 ชนิดด้วย และในแต่ละชนิดนั้นมีประโยชน์ช่วยในเรื่อง ดังต่อไปนี้
– ไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ : มีคุณสมบัติพองตัวในลำไส้ ช่วยดูดซึมน้ำ กระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้มีการบีบตัวได้ดี ช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน
แหล่งอาหารที่พบ : ข้าวสาลี ข้าวโพด ผักต่างๆ เมล็ดถั่วเปลือกแข็ง เผือก มัน และขนมปัง โฮลวีท เป็นต้น
– ไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ : มีคุณสมบัติในการละลายน้ำได้ดี และกลายเป็นเจลคอยดูดซับน้ำ น้ำตาลและไขมันเอาไว้ ไม่ให้ดูดซึมกลับเข้าไปในลำไส้ จึงช่วยควบคุมปริมาณน้ำตาลและไขมันในเลือดได้ แถมช่วยคุมน้ำหนักและสัดส่วนได้อีกด้วย
แหล่งอาหารที่พบ : ธัญพืชที่ขัดสีน้อย ถั่วเมล็ดแห้งบางชนิด เช่น ถั่วแดงหลวง ผลไม้บางชนิด เช่น ส้ม ฝรั่ง แอปเปิ้ล ลูกพรุน และสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น
ทานไฟเบอร์แล้วนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์ในด้านสุขภาพแล้ว ยังได้ประโยขน์รอบด้านอีกด้วย
1. ช่วยให้อิ่มอยู่ท้องได้นาน
ไฟเบอร์ทำให้กระเพาะขยายจึงรู้สึกอิ่ม และบางส่วนจะฟอร์มตัวเป็นเจลเหนียวทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะนานขึ้น
2. ลดการดูดซึมน้ำตาล และไขมัน
ช่วยเร่งระยะเวลาการขับถ่ายช่วยให้ท้องไม่ผูก ขับถ่ายคล่อง ช่วยลดความอ้วน ป้องกันเบาหวาน ป้องกันโรคหัวใจ
3. สร้างภูมิคุ้มกัน
แบคทีเรียดีจะช่วยย่อยลำไส้ในไฟเบอร์ ทำให้เกิดสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในลำใส้ใหญ่ ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เนื่องจากไฟเบอร์จะช่วยลดความเข้มข้นของสารก่อมะเร็ง
4. ช่วยขับถ่าย และ การทำงานของลำไส้
ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับอุจจาระ ไม่บาดก้น ลดการท้องผูก ดีต่อลำไส้อีกด้วย ลดความเสี่ยงของโรคอื่นๆ เช่น โรคริดสีดวงทวาร โรคท้องผูก โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน และโรคอ้วน เป็นต้น
คุณประโยชน์ของไฟเบอร์มากมายขนาดนี้ แต่ละวันเราจึงควรกินไฟเบอร์ให้ได้ประมาณ 25-30 กรัม หรือประมาณผัก ผลไม้ 5 กำมือ หรือถ้าใครรู้สึกว่าเยอะไป อาจจะค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนทีละนิด เช่น เปลี่ยนจากกินขนมปังขาว เป็นขนมปังโฮลวีท เปลี่ยนจากกินน้ำผลไม้มาเป็นผลไม้ทั้งผล หรือเปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง
การปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ อาจดูไม่มากแต่เชื่อไหมว่ามันอาจเป็น Butterfly effect ที่ส่งแรงกระเพื่อมให้ชีวิตเราดีขึ้นหลายๆ ด้านก็เป็นได้….ลองพิสูจน์ดูสิ!