5 เรื่องที่คุณอาจใช้ยา “พาราเซตามอล” แบบผิด ๆ โดยไม่รู้ตัว

ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) หรือ ที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อะเซตามีโนเฟน จัดเป็นยาแก้ปวด ลดไข้ ชนิดหนึ่งที่ได้ผลดีช่วยในการบรรเทาอาการปวดได้หลายอย่าง เช่น ปวดศีรษะ   ปวดไหล่ ปวดหลัง เป็นต้น โดยเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดน้อยถึงปวดปานกลางเท่านั้น   ไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและไม่มีผลต่ออาการปวดขั้นรุนแรง เช่น การผ่าตัดหรือมะเร็ง เป็นที่นิยมนำมาใช้เพื่อรักษาอย่างแพร่หลาย ราคาย่อมเยา มีไว้ในตู้ยาสามัญประจำบ้านแทบทุกครัวเรือนก็ว่าได้ หาทานได้ง่าย ราคาไม่แพง  ทุก ๆ บ้านมักมีติดไว้ เนื่องจากเป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

ยาพาราเซตามอล ได้ถูกผลิตขึ้นมาหลากหลายขนาด เพื่อตอบโจทย์การรักษาอาการตามแต่ละบุคคล  ทั้งชนิดน้ำ สามารถทานง่าย เหมาะสำหรับเด็ก หรือชนิดเม็ด สำหรับผู้ใหญ่หลักการใช้ที่ปลอดภัยควรเป็นอย่างไร มีข้อมูลจาก มาฝากกัน

5 เรื่องที่คุณอาจใช้ยา “พาราเซตามอล” แบบผิดๆ โดยไม่รู้ตัว

1. กินยาพาราเซตามอลมากเกินความจำเป็น

การจะกินยาพาราเซตามอลกี่เม็ด ไม่ได้อยู่ที่ “วัย” แต่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ “น้ำหนักตัว” ขนาดยาพาราเซตามอลที่เหมาะสมกับร่างกายของเราอยู่ที่ 10-15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

2. กินยาพาราเซตามอลในระยะเวลาใกล้กันเกินไป

ยาพาราเซตามอล ควรกินห่างกัน 4-6 ชั่วโมง ดังนั้นหากระยะเวลาผ่านไปเพียง 2-3 ชั่วโมง อย่าเพิ่งหยิบมากินอีก และไม่จำเป็นต้องกินหลังอาหาร เมื่อไรก็ตามที่มีอาการปวด มีไข้ สามารถกินได้เลย

3. กินยาพาราเซตามอล ติดต่อกันนานเกินไป

หลายคนอาจรักษาอาการไข้หวัดด้วยตนเองอยู่ที่บ้าน จึงกินยาพาราเซตามอลเพื่อลดอาการปวดศีรษะ ลดไข้เอง แต่ไม่ควรกินยาพาราเซตามอลติดต่อกันเกิน 5 วัน หาก 5 วันผ่านไปแล้วอาการไข้ยังไม่ดีขึ้น ยังมีไข้หลังยาหมดฤทธิ์ตลอดทุกวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดจะดีกว่า

4. ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินยาพาราเซตามอล

แม้ว่ายาพาราเซตามอลจะเป็นหนึ่งในยาแก้ปวดลดไข้ที่ปลอดภัยที่สุดตัวหนึ่ง แต่ยาพาราเซตามอลอาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยโรคตับ โรคไตได้ โดยการรับประทานยาพาราเซตามอลอาจยิ่งเพิ่มโอกาสอาการเกิดภาวะตับเป็นพิษ และอาการตับวายเฉียบพลันได้ ดังนั้นผู้ป่วยโรคไต และโรคตับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนกิน โดยแพทย์อาจพิจารณาความเสี่ยง หรือพิจารณาให้ยาแก้ปวดชนิดอื่นแทน

5. ห้ามกินยาพาราเซตามอล “ดัก” ไว้ก่อน

ยาพาราเซตามอล เป็นยาที่กินเมื่อมีอาการเท่านั้น หากไม่มีอาการไม่ควรกิน เช่นความเชื่อในเรื่องของการกินยาพาราเซตามอลดักเอาไว้ก่อนที่จะออกไปโดนฝน หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัด ซึ่งเป็นความผิดที่ผิด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการดื้อยาได้

ข้อควรระวังในการรับประทานยาพาราเซตามอล

– หากใช้ยาแล้วไข้ไม่ลดภายใน 3 วัน ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หรืออาการปวดในเด็กไม่บรรเทาภายใน 5 วัน หรืออาการปวดของผู้ใหญ่ไม่บรรเทาใน 10 วันให้ไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นอาการของโรคร้ายแรงได้
– ระมัดระวังการใช้พาราเซตามอลร่วมกับยาชนิดอื่นที่มียาพาราเซตามอลเป็นส่วนประกอบ เช่น ยาคลายกล้ามเนื้อที่มีส่วนผสมระหว่างยาพาราเซตามอลและออร์เฟนาดรีน (orphenadrine)
– เก็บยาในที่แห้ง พ้นจากแสง ความร้อน และเก็บยาให้พ้นจากมือเด็ก