ปัญหาผิวหยาบกร้าน แสบคัน เป็นขุย หลาย ๆ คนอาจคิดว่าเป็นอาการของผิวแห้ง แต่จริง ๆ แล้วอาจเกิดจากผิวขาดน้ำได้เช่นกัน แล้วปัญหาผิวขาดน้ำและผิวแห้ง แตกต่างกันอย่างไร มีวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น น่าสัมผัสได้อย่างไร ผิวขาดน้ำใช้อะไรดี บทความนี้มีคำตอบ
ผิวแห้ง (Dry skin) คือสภาพผิวที่ ขาดความมัน มีสาเหตุมาจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้นาน ส่งผลให้ผิวมีอาการแห้งตึงหรือคัน จนกระทั่งแห้งกร้านและลอกเป็นขุย ซึ่งผิวจะอยู่ในสภาพที่แพ้ง่ายและแห้งอยู่เสมอ ส่วนมากอาการผิวแห้งจะเป็นสภาพผิวที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดหรือเป็นปัญหาของโรคผิวหนังบางประเภท

อาการของผิวแห้งที่พบได้บ่อย
– ขาดน้ำมันในผิว ผิวแห้งถาวร
– รูขุมขนเล็ก ไม่ค่อยเป็นสิว
– ผิวหยาบก้าน
– เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย
– ผิวแห้ง ลอกเป็นขุย
– อ่อนแอ แพ้ง่าย
วิธีการรักษาผิวแห้ง
– รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า 3 และวิตามิน เอ ซี อี เพื่อบำรุงผิวแห้งให้ชุ่มชื้น
– ดื่มน้ำมากๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
– ใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหน้าและผิวกายสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแห้ง
– ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเติมความชุ่มชื้น บำรุงผิว
– ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
– ทานอาหารเสริมคอลลาเจน เพื่อให้ผิวสุขภาพดี ฉ่ำวาว ลดเลือนริ้วรอยก่อนวัย
ผิวขาดน้ำ (Dehydrated skin) คือ สภาพผิวที่ ขาดความชุ่มชื้น สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ สภาพผิวไม่ว่าจะผิวแห้ง ผิวผสม หรือแม้กระทั่งผิวมัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อาทิ สภาพอากาศ มลภาวะภายนอก เป็นต้น

อาการของผิวขาดน้ำที่พบได้บ่อย
– ขาดน้ำในผิว ผิวแห้งแบบเป็น ๆ หาย ๆ
– ผิวทั้งแห้งและมันในเวลาเดียวกัน
– ผิวสากกร้านแต่มีน้ำมันที่ผิวเยอะ
– เป็นสิวอุดตันง่าย
– ขาดความชุ่มชื้น ระคายเคืองง่าย
– บริเวณใต้ตาคล้ำ และมีริ้วรอย ผิวทั่วไปมีริ้วรอยร่องตื้น
วิธีการรักษาผิวขาดน้ำ
– ดื่มน้ำให้เพียงพอ สม่ำเสมอ
– นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
– ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อรักษาสมดุลการไหลเวียนโลหิต
– เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หลีกเลี่ยงการใช้โฟมล้างหน้ามีฟอง
– เติมความชุ่มชื้น ผิวอิ่มน้ำจากภายในด้วย คอลลาเจนไดเปปไทด์ เพิ่มความหนาแน่นให้ผิวเรียบเนียน
