น้ำตาลเทียม ลดน้ำหนักได้จริงไหม ? 

“ดีจริงหรือแค่กระแส” เคยได้ยินกระแสกันไหมของช่วงหนึ่งในชีวิตที่คนกำลังลดน้ำหนักออกมาพูดว่าให้กินน้ำตาลเทียมมากกว่าน้ำตาลแท้กัน ไหนจะช่วงนั้นกระแสของเครื่องดื่มน้ำอัดลมก็ออกสูตรไม่มีน้ำตาลออกมา ทำให้ตอนนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าการกินน้ำตาลเทียมช่วยให้ลดน้ำหนักหรือไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ กระแสนี้ก็ยังคงมีมาเรื่อย ๆ ให้เห็นกันในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีคนออกมาเตือนเรื่องของกรณีนี้แล้ว ฉะนั้นพวกเรามาตามติดกระแสนี้กันกับ น้ำตาลเทียม ลดน้ำหนักได้จริงไหม? จริงหรือหลอก แก้ก่อนที่จะเริ่มติดกันดีกว่า..

“น้ำตาลเทียม” คืออะไร ?

น้ำตาลเทียม คือ กลุ่มสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติ มีรสชาติที่หวานคล้ายน้ำตาลแต่ให้พลังงานแคลอรีต่ำหรือไม่ให้พลังงานเลยขึ้นอยู่กับชนิดนั้น ๆ จึงทำให้ช่วงหนึ่งได้ถูกหยิบยกขึ้นมาให้เป็นทางเลือกกับคนที่รักษาสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมแคลอรี่ น้ำตาลเทียมได้ถูกนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อาหารมากยิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและใส่ใจสุขภาพ โดยกลุ่มที่นำมาผลิตส่วนใหญ่ที่เรารู้จักคือ แอสพาร์เทม แซ็กคาริน แอซีซัลเฟมโพแทสเซียม ซูคราโลส และนีโอแทม เป็นต้น

น้ำตาลเทียมดีต่อสุขภาพ และลดน้ำหนักได้จริงไหม ?

วารสารของสมาคมการแพทย์ของประเทศแคนาดาได้ออกผลการวิจัยไว้ว่า “เครื่องดื่มน้ำตาลเทียมอาจไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก และยังเพิ่มโอกาสความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนและโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว” ทำให้มีการวิจัยเพิ่มขึ้นจากข้อน่าสนใจนี้ว่า การดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลธรรมชาติทำให้เกิดความเสี่ยงจากโรคอ้วนเพิ่มขึ้นที่ 18% ในขณะที่การดื่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีส่วนผสมจากน้ำตาลเทียมทำให้ความเสี่ยงเป็นโรคอ้วนอยู่ที่ 59% เลยทีเดียว ทั้งนี้ยังพบว่าการกินน้ำตาลเทียมไม่ได้ช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงด้วย โดย ดร.Meghan B. Azad แห่งมหาวิทยาลัย University of Manitoba ได้กล่าวไว้ว่า สาเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวของเราขึ้น เป็นเพราะการที่เรากินน้ำตาลเทียมแล้วน้ำตาลเทียมไปกระตุ้นให้มีความอยากอาหารมากขึ้น ส่งผลให้กินเยอะ จุกจิก จึงสามารถเสี่ยงเป็นโรคลงพุง หรือโรคต่าง ๆ ตามมาได้

ข้อดีและข้อเสีย ของสารให้ความหวานแทนน้ำตาล

สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ตัวที่ 1

แอสพาร์เทม (Aspartame) เป็นสารให้ความหวาน ใช้ในอาหารเช่น ครีมเทียม หมากฝรั่ง ซีเรียล ขนมหวาน เครื่องดื่ม และผลไม้แห้ง เป็นต้น ทั้งนี้ใน 1 วัน ไม่ควรบริโภคเกิน 40-50 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ข้อดี : ไม่ทำให้เกิดอาการฟันผุ และไม่กระตุ้นให้น้ำตาลในเลือดสูง เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน

ข้อเสีย : เมื่อสารตัวนี้เจอความร้อนจะทำให้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างสามารถทำให้เกิดรสขม และรสหวานลดลง ไม่ควรนำมาปรุงอาหารขณะที่ยังร้อน ๆ อยู่

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวที่ 2

แซ็กคาริน (Saccharin) หรือขัณฑสกร เป็นสารให้ความหวานส่วนมากพบในเครื่องดื่มหรือผลิตภัณฑ์ที่มีนมเป็นส่วนผสม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่แต่งกลิ่น ผลไม้ดอง ไอศกรีม ขนมหวาน และหมากฝรั่ง เป็นต้น ไม่ควรบริโภคเกิน 5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ข้อดี : ทนต่อความร้อนสูง

ข้อเสีย : การรับประทานในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้องร่วมด้วย มีอาการง่วงซึม และถึงกับชักได้ ใครที่พบว่าแพ้นั้นควรจะระวังและหลีกเลี่ยงโดยด่วน

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวที่ 3

แอซีซัลเฟม โพแทสเซียม (Acesulfame potassium) เป็นสารให้ความหวาน พบส่วนมากในอาหารประเภทของอบ เครื่องดื่มที่มีแอลกอออล์ ของหวานที่แช่แข็งหรือแช่ตู้เย็น ซอสรสหวานต่าง ๆ และน้ำตาลโรยหน้าขนม เป็นต้น ใน 1 วัน ควรบริโภคที่ 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ข้อดี : ไม่เกิดการสะสมในร่างกาย ถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและกำจัดออกมาในรูปแบบเดิม

ข้อเสีย : มักใช้ร่วมกับสารให้ความหวานอื่น ๆ ด้วย และไม่ควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้กระทบต่อสุขภาพได้

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวที่ 4

ซูคราโรส (Sucralose) มีความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาล พบในไอศกรีม ขนมขบเคี้ยว ซอส ลูกกวาด แยม และอาหารกระป๋อง เป็นต้น ใน 1 วัน ควรบริโภคที่ 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัวที่ 1 กิโลกรัม

ข้อดี : ทนต่อความร้อนสูง ไม่ดูดความชื้น โครงสร้างไม่เปลี่ยนคงตัวดี ไม่มีรสชาติขมติดลิ้น ใช้ปรุงอาหารหรือขนมได้ทุกชนิด เพราะสามารถทนต่อความร้อนและไม่สูญเสียความหวานด้วย

ข้อเสีย : บางคนหากรับประทานมากเกินไปอาจจะวิงเวียนศีรษะได้บางคน

สารให้ความหวานแทนน้ำตาลตัวที่ 5

นีโอแทม (Neotame) การบริโภคไม่ควรเกิน 2 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ต่อวันเพราะเป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่าสารตัวอื่นๆ โดยสามารถให้ความหวานมากขึ้น 800-1300 เท่า เลยที่เดียว

ข้อดี : ใช้กับอาหารและเครื่องดื่มทุกประเภท

ข้อเสีย : เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่าสารตัวอื่นๆ

ทางเลือกใหม่กับ ” น้ำตาลจากธรรมชาติ “

เมื่อทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเทียมนั้นส่งผลต่อสุขภาพแถมน้ำหนักก็ยังไม่ลงด้วย ทางเลือกใหม่สำหรับสายสุขภาพก็คือ ทางเลือกการทาน น้ำตาลจากธรรมชาติ ที่ให้รสชาติเหมือนน้ำตาลทั่วไป แต่ให้พลังงานแคลอรี่เท่ากับ 0 แคลอรี่ อีกทั้งใครที่เป็นโรคเบาหวานยังทานได้ด้วย แต่การทานควรอยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอควรในแต่ละวันเพราะถึงแม้จะให้แคลอรี่ที่ต่ำก็จริง แต่ถ้าทานไม่ยั้งหรือเต็มที่กับการทานมากเกินเหตุ ก็สามารถเป็นโทษต่อสุขภาพได้เหมือนกัน ฉะนั้นควรเลือกทานแต่พอควร

น้ำตาลหญ้าหวาน

หญ้าหวานที่ทุกคนเคยได้ยินและให้กิโลแคลอรี่เท่ากับ 0 แคลอรี่ เป็นทางเลือกสำหรับน้ำตาลธรรมชาติสุด ๆ เพราะสรรพคุณช่วยให้ลดน้ำตาลในเลือด เหมาะกับผู้เป็นเบาหวาน ป้องกันโรคหัวใจ โรคอ้วน ด้วยความที่น้ำตาลจากหญ้าหวานนั้นสามารถให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติ 250-300 เท่า ดังนั้นจึงนิยมนำมาใช้กับพวกเครื่องดื่ม ขนมและอาหารประเภทต่าง ๆ ปัจจุบันยังมีการนำหญ้าหวานไปเป็นส่วนผสมในยาสีฟันแล้วด้วย

น้ำตาลสกัลจากหล่อฮั่งก้วย

หล่อฮังก้วยเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ที่นิยมนำมาต้มเป็นสมุนไพรเพื่อนำมาแก้อาการร้อนใน ปรับสมดุลในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยบำรุงผิวพรรณ เป็นต้น นอกจากนี้ยังนำเอาหล่อฮั่งก้วยไปสกัดเพื่อเป็นน้ำตาลธรรมชาติ โดยพลังงานที่จะได้รับคือ 0 แคลอรี่ โดยสามารถให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลปกติ 150-200 เท่าทีเดียว สามารถนำไปประกอบอาหารและขนม ใครที่กำลังลดน้ำหนักก็เหมาะมาก ๆ อีกด้วยเช่นกัน

น้ำตาลสกัดจากผลไม้

ในประเทศเนเธอร์แลนด์ได้นำเอาผลไม้ต่าง ๆ ที่ไม่ได้มาตรฐานที่ไม่สามารถนำไปวางจำหน่ายหรือส่งออกได้ นำมาผ่านกรรมวิธีเพื่อแปรรูปเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลนั่นเอง โดยผลไม้ที่นำมาแปรรูปคือ แอปเปิลและลูกแพร์ ซึ่งน้ำตาลที่ได้จากผลไม้นั้นก็ให้กิโลแคลอรี่ที่ 0 แคลอรี่ และยังเป็นน้ำตาลที่มาจากธรรมชาติอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้ไม่อันตราย

สรุปคือ ” น้ำตาลเทียม “ ยังไม่มีผลวิจัยที่บ่งชี้อย่างแน่ชัดว่าอันตรายมากน้อยแค่ไหนเพราะงานวิจัยที่ออกมาส่วนมากยังคงไม่ครอบคลุมมากนัก แต่ก็ยังคงเรียกได้ว่าไม่ควรนำมาเป็นตัวเลือกในการนำมาใช้ลดน้ำหนัก เพราะบางวิจัยนั่นก็ได้กล่าวว่า ยิ่งกินก็เหมือนยิ่งส่งเสริมให้ร่างกายต้องการน้ำตาลมากยิ่งขึ้นส่งผลอันตรายต่อร่างกายและไม่ทำให้น้ำหนักลงอีกด้วย และทางเลือกที่เข้ามาใหม่และยังคงได้รับการยอมรับส่วนมากของคนรับสุขภาพคือ การทาน ” น้ำตาลที่มาจากธรรมชาติ ” สกัดจากธรรมชาติให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาลปกติ และไม่เป็นอันตราย ทั้งยังเหมาะกับสายสุขภาพและลดน้ำหนักไปด้วยสุด ๆ ถึงแม่ฉะนั้นแล้วการบริโภคของตัวเราควรอยู่ในปริมาณที่ร่างกายต้องการไม่ควรบริโภคต่อมื้อมากเกินไป และการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วยแต่ละวันก็สามารถช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงไปด้วย